The-“Ugly”-Truth-About-Fast-Fashion
The-“Ugly”-Truth-About-Fast-Fashion

The “Ugly” Truth About Fast Fashion: เบื้องหลังเสื้อผ้าสวยๆ ที่ทำร้ายโลก

เรื่องโดย DOWN2EARTH

แฟชั่นราคาถูกอาจดูน่าซื้อ แต่เบื้องหลังความ “น่าซื้อ” กลับมีความจริง “น่าเศร้า” ซ่อนอยู่ และโลกกำลังจ่ายราคาแพงกว่าที่เราคิด

ทุกเช้าที่เราเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วบ่นว่า “ไม่มีอะไรจะใส่” ทั้งที่เสื้อผ้าแน่นเต็มราว อาจสะท้อนวัฒนธรรมการบริโภคแบบไม่หยุดยั้ง ที่ขับเคลื่อนด้วยคำว่า “เร็ว ถูก เปลี่ยนบ่อย” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Fast Fashion”

Fast Fashion ไม่ได้แปลว่าแบรนด์ต้องผลิตเสื้อผ้าเร็วขึ้นเท่านั้น แต่มันหมายถึงการเร่งกระบวนการผลิตทั้งหมดให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ตั้งแต่การออกแบบ ผลิต จนถึงวางขายในร้าน และที่สำคัญคือขายในราคาถูกแบบไม่น่าเชื่อ เพื่อให้ผู้บริโภคซื้อซ้ำๆ ได้บ่อยโดยไม่ต้องคิดมาก

ลองนึกภาพโรงงานขนาดใหญ่ ที่คนงานต้องทำงานหนักหลายชั่วโมง ได้รับค่าแรงต่ำเตี้ย เสี่ยงต่อสารเคมีอันตรายจากการย้อมผ้า และต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย นั่นคือชีวิตจริงของใครหลายคนที่ผลิตเสื้อผ้าที่เราใส่อยู่ทุกวัน รู้หรือไม่ว่าอุตสาหกรรมแฟชั่นเป็นหนึ่งในธุรกิจที่สร้างมลพิษมากที่สุดในโลก น้ำปริมาณมหาศาลถูกใช้ในการผลิตฝ้ายและย้อมผ้า และเคมีที่ใช้ในกระบวนการผลิตบางชนิดไหลลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ กลายเป็นพิษต่อระบบนิเวศน์

เสื้อผ้าที่ไม่ได้คุณภาพถูกทิ้งอย่างรวดเร็วหลังจากใส่เพียงไม่กี่ครั้ง กลายเป็นขยะจำนวนมหาศาลที่ย่อยสลายไม่ได้ในหลุมฝังกลบทั่วโลก ยังไม่รวมถึงแรงงานราคาถูกในประเทศกำลังพัฒนา ที่ต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย มีค่าจ้างต่ำ และไม่มีสิทธิต่อรอง มีรายงานว่าในบางกรณีมีการใช้แรงงานเด็กในอุตสาหกรรมเหล่านี้ด้วย หลายคนอาจไม่รู้ว่าเสื้อยืดตัวละ 199 บาทที่เราใส่อยู่นั้น อาจผลิตจากแรงงานเด็กที่ทำงานหนักถึงวันละ 12 ชั่วโมง ในขณะที่เราอัปเดตเสื้อผ้าทุกซีซั่น โลกก็กำลังจมอยู่ใต้ภูเขาเสื้อผ้าเก่าๆ ที่ไม่มีใครใส่แล้ว

แล้วทำไม Fast Fashion ถึงยังคงได้รับความนิยม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้บริโภคอย่างเราๆ ถูกกระตุ้นให้ซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ อยู่เสมอ ผ่านโฆษณา อินฟลูเอนเซอร์ และเทรนด์แฟชั่นที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เราเชื่อว่า “ต้องมี” เสื้อผ้าเหล่านี้ เพื่อให้ดูดีและทันสมัย แต่ถึงเวลาแล้วที่เราต้องตระหนักถึงผลกระทบที่ตามมา และเริ่มตั้งคำถามกับพฤติกรรมการบริโภคของเราจริงๆ แล้วเราต้องการเสื้อผ้าใหม่ๆ มากมายขนาดนั้นเลยหรือ มีวิธีไหนบ้างที่เราจะยังสนุกกับการแต่งตัวได้ โดยที่ไม่ต้องทำร้ายโลกและเพื่อนมนุษย์

ข่าวดีก็คือ เรายังสามารถมีสไตล์ได้ โดยไม่ต้องทำร้ายโลก ทางออกอาจไม่ได้อยู่ที่การเลิกซื้อเสื้อผ้าไปเลย แต่เป็นการปรับเปลี่ยน Mindset และพฤติกรรมของเราใหม่ การซื้อของมือสอง การเลือกแบรนด์ที่มีจริยธรรม การเลือกใช้เสื้อผ้าที่มีคุณภาพและใส่ได้นาน หรือแม้แต่การแลกเปลี่ยนเสื้อผ้ากับเพื่อนๆ ล้วนเป็นทางเลือกที่มีผลกระทบเชิงบวกอย่างมหาศาล “แฟชั่น” ไม่ควรเป็นเรื่องของความเร็วเพียงอย่างเดียว แต่น่าจะเป็นเรื่องของความใส่ใจ ไม่ว่าจะเป็นการใส่ใจต่อโลก ใส่ใจต่อคนที่อยู่เบื้องหลัง และใส่ใจต่ออนาคตที่เราทุกคนยังต้องอยู่ร่วมกันอีกนาน

ครั้งต่อไปที่คุณกำลังจะหยิบเสื้อผ้าชิ้นใหม่ขึ้นมาจากราวสินค้า ลองถามตัวเองว่า “ฉันต้องการมันจริงๆ หรือแค่อยากได้” เพราะทุกการซื้อคือการเลือก และทุกการเลือกของคุณสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ ถึงเวลาแล้วที่เราจะ “ตื่น” จากฝันหวานของ Fast Fashion และร่วมกันสร้างสรรค์อุตสาหกรรมแฟชั่นที่ยั่งยืนและเป็นธรรมมากขึ้น เพื่อโลกและเพื่ออนาคตของเราทุกคน