ธัญญ์รวิช
ในยุคที่คนไทยนิยมข้ามไปทำงานในต่างแดนกันมากเพราะด้วยปัจจัยหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่อง ผลตอบแทนที่ ว้าว มาก ๆ เราจะมาเจาะลึกเรื่องที่หลายคนสงสัยและอาจเป็นแรงบันดาลใจให้หลายคนเก็บกระเป๋าไปทำงานต่างแดน นั่นคือ “ค่าแรงขั้นต่ำ” ในประเทศยอดฮิตที่คนไทยนิยมไปทำงาน แต่จะไปแค่ตัวเลขมันก็ดูห่างไกลความจริงไปหน่อย วันนี้เราจะมาเทียบให้เห็นภาพชัดๆ กับ “ค่าแรง” และ “ค่าอาหารแต่ละมื้อ” ในประเทศเหล่านั้น ว่าตกลงทำงานแล้วเพียงพอหรือไม่
ทำไมคนไทยถึงนิยมไปทำงานต่างประเทศ?
หลายคนอาจจะมองว่า “ไปทำไม? อยู่บ้านเราก็ดีอยู่แล้ว” แต่สำหรับบางคน การไปทำงานต่างประเทศไม่ใช่แค่เรื่องเงินทองอย่างเดียว มันคือการเปิดโลก เปิดประสบการณ์ เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ ที่สำคัญคือ “โอกาส” ที่อาจจะหาง่ายกว่าในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นโอกาสในการสร้างเนื้อสร้างตัว การได้เงินก้อนใหญ่เพื่อนำมาลงทุน หรือแม้กระทั่งการได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในประเทศที่คิดว่าเหมาะกับตัวเองมากกว่า แต่แน่นอนว่าสิ่งสำคัญอันดับแรกๆ ที่ทุกคนมองหาคือ “ค่าตอบแทนที่สูงกว่า” ซึ่งเราจะมาตีแผ่ให้เห็นกันชัดๆ ว่าค่าแรงขั้นต่ำในประเทศเหล่านั้น เมื่อเทียบกับค่าครองชีพโดยเฉพาะ “ค่าอาหาร” แล้ว มันเหลือจริงไหม? หรือแค่พอประทังชีวิตไปวัน ๆ
เน้นย้ำว่าบทความนี้: ข้อมูลค่าแรงขั้นต่ำและค่าครองชีพในปี 2025 เป็นการประมาณการและอ้างอิงจากประกาศ/แนวโน้มล่าสุด รวมถึงการคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยตามนโยบายของแต่ละประเทศและอัตราแลกเปลี่ยนจริง ณ เวลานั้นๆ
1.เกาหลีใต้: ดินแดนแห่งโอปป้า… ค่าแรงดี แต่ค่าข้าว…..!
เกาหลีใต้ยังคงเป็นหมุดหมายอันดับต้นๆ ด้วยกระแส K-Pop และโอกาสงานที่หลากหลาย
- ค่าแรงขั้นต่ำ (2025): คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ประมาณ 10,030 วอนต่อชั่วโมง (ประมาณ 265 บาทต่อชั่วโมง ณ อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน) หากทำงานวันละ 8 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ก็ตกเดือนละประมาณ 2.22 ล้านวอน (ประมาณ 58,700 บาท)
- ค่าอาหารต่อมื้อ (โดยประมาณ) :
- ข้าวกล่องสะดวกซื้อ (พยอนอึยจอม): 3,500 – 7,000 วอน (ประมาณ 90 – 185 บาท) นี่คือทางเลือกของคนประหยัด
- ร้านอาหารธรรมดา (กิมจิ, ต็อกบกกี, ข้าวผัด): 8,000 – 18,000 วอน (ประมาณ 210 – 475 บาท) ถือว่ากินอิ่มแต่ต้องเลือกหน่อย
- ร้านปิ้งย่าง หมูสามชั้น (ซัมกยอบซัล): 18,000 – 35,000 วอนต่อคน (ประมาณ 475 – 925 บาท) ถ้าอยากปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ปิ้งย่างคือคำตอบ
สรุปค่าครองชีพด้านอาหาร: ค่าแรง 58,700 บาท ถ้าเน้นกินข้าวกล่องทุกวันก็พออยู่ได้แบบเรื่อย ๆ แต่ถ้าอยากสัมผัสอาหารเกาหลีแท้ๆ เข้าสังคมบ้าง ก็ต้องจัดสรรงบประมาณดีๆ เพราะค่าอาหารที่นี่ค่อนข้างสูง!
2.ญี่ปุ่น: ซากุระสวย แต่ค่าครองชีพก็สวยตามด้วย
แดนอาทิตย์อุทัยยังคงดึงดูดใจด้วยวัฒนธรรม แหล่งชอปปิ้ง และโอกาสการทำงานที่มั่นคง
- ค่าแรงขั้นต่ำ (2025): แตกต่างกันไปในแต่ละจังหวัด แต่แนวโน้มเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ประมาณ 1,040 เยนต่อชั่วโมง (ประมาณ 240 บาทต่อชั่วโมง ณ อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน) หากทำงานเต็มเวลา ก็ตกเดือนละประมาณ 166,400 เยน (ประมาณ 38,300 บาท)
- ค่าอาหารต่อมื้อ (โดยประมาณ):
- ข้าวกล่อง ซูเปอร์มาร์เก็ต/ร้านสะดวกซื้อ: 400 – 800 เยน (ประมาณ 90 – 185 บาท) ข้าวกล่องญี่ปุ่นคือคุณภาพดีและราคาดีงาม
- ร้านอาหารจานด่วน (Gyudon, Ramen): 600 – 1,100 เยน (ประมาณ 140 – 250 บาท) เป็นที่พึ่งของคนญี่ปุ่นที่อยากกินอิ่มเร็วๆ
- ร้านอาหารทั่วไป (ซูชิ, ทงคัตสึ): 1,200 – 2,800 เยน (ประมาณ 275 – 645 บาท) ถ้าเข้าร้านอาหารดีๆ หน่อย ราคาก็จะสูงขึ้น
- สรุปค่าครองชีพด้านอาหาร: ญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องค่าครองชีพสูง แต่ถ้าเลือกกินข้าวกล่องหรือร้านอาหารจานด่วน ก็สามารถประหยัดได้เยอะ เงินเดือนประมาณ 38,300 บาทก็ถือว่าพออยู่ได้สบายๆ ถ้าไม่ฟุ่มเฟือยมากนัก
3.ไต้หวัน: ค่าแรงดี สวรรค์คนชอบชานมไข่มุก
ประเทศเพื่อนบ้านที่น่าสนใจ ด้วยค่าครองชีพที่ไม่แพงจนเกินไป และอาหารที่อร่อยถูกปากคนไทย
- ค่าแรงขั้นต่ำ (2025): คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ประมาณ 188 ดอลลาร์ไต้หวันต่อชั่วโมง (ประมาณ 205 บาทต่อชั่วโมง ณ อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน) หากทำงานเต็มเวลา ก็ตกเดือนละประมาณ 28,270 ดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 30,900 บาท)
- ค่าอาหารต่อมื้อ (โดยประมาณ):
- ร้านอาหารริมทาง (Street Food): 60 – 180 ดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 65 – 195 บาท) ไต้หวันคือสวรรค์ของสตรีทฟู้ด อร่อย สะอาด ราคาจับต้องได้
- ร้านอาหารทั่วไป: 180 – 350 ดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 195 – 380 บาท)
- ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า: 300 – 600 ดอลลาร์ไต้หวันขึ้นไป (ประมาณ 330 – 650 บาท)
- สรุปค่าครองชีพด้านอาหาร: ไต้หวันถือเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพด้านอาหารที่ค่อนข้างสมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับค่าแรง สามารถกินอาหารอร่อยๆ ได้หลากหลายโดยไม่ต้องกังวลเรื่องงบประมาณมากนัก เงินเดือนประมาณ 30,900 บาทถือว่าอยู่ได้สบายๆ แถมมีเหลือเก็บ!
4.ออสเตรเลีย: แดนจิงโจ้ ค่าแรงขั้นเทพ ค่าครองชีพก็ไม่น้อยหน้า!
ดินแดนแห่งอิสระเหมาะสำหรับคนรักธรรมชาติและค่าแรงที่สูง
- ค่าแรงขั้นต่ำ (2025): ออสเตรเลียยังคงรักษาตำแหน่งประเทศที่มีค่าแรงขั้นต่ำสูงติดอันดับโลก โดยคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ประมาณ 25.00 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อชั่วโมง (ประมาณ 600 บาทต่อชั่วโมง ณ อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน) หากทำงานเต็มเวลา ก็ตกเดือนละประมาณ 4,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 96,000 บาท)
- ค่าอาหารต่อมื้อ (โดยประมาณ):
- ทำอาหารเองที่บ้าน: นี่คือทางเลือกที่ประหยัดที่สุด! ซื้อวัตถุดิบจากซูเปอร์มาร์เก็ต มื้อนึงตกประมาณ 6 – 12 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 145 – 290 บาท)
- ร้านฟาสต์ฟู้ด/ร้านอาหารง่ายๆ: 12 – 18 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 290 – 435 บาท)
- ร้านอาหารทั่วไป/คาเฟ่: 25 – 50 ดอลลาร์ออสเตรเลียขึ้นไป (ประมาณ 600 – 1,200 บาท) ถ้าเข้าร้านดีๆ เตรียมจ่ายเลย!
- สรุปค่าครองชีพด้านอาหาร: ค่าแรงในออสเตรเลียสูงมาก แต่ค่าครองชีพก็สูงตามไปด้วยครับ ถ้าอยากมีเงินเหลือเก็บเยอะๆ การทำอาหารเองที่บ้านคือตัวเลือกที่ชาญฉลาดที่สุดครับ! เงินเดือนเกือบแสนนี่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายๆ แต่ก็ต้องไม่ประมาทกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ โดยเฉพาะค่าเช่าบ้านที่โหดเอาเรื่อง!
คิดจะไปทำงานต่างแดน… ต้องวางแผนให้ดี
จะเห็นได้ว่าแม้ค่าแรงขั้นต่ำในปี 2025 ในประเทศเหล่านี้จะสูงกว่าบ้านเรามาก แต่ค่าครองชีพ โดยเฉพาะค่าอาหารก็แตกต่างกันไป บางประเทศก็ถูกจนน่าตกใจ บางประเทศก็แพงจนต้องคิดแล้วคิดอีก
ข้อคิดสำหรับคนอยากไปทำงานต่างประเทศในปี 2025:
- อย่ามองแค่ค่าแรง: สิ่งสำคัญคือต้องดู “ค่าครองชีพโดยรวม” ด้วย โดยเฉพาะ “ค่าที่พัก” ซึ่งเป็นส่วนที่แพงที่สุดในหลายๆ ประเทศ
- ไลฟ์สไตล์มีผล: ถ้าชอบกินหรู อยู่สบาย ก็ต้องมีงบประมาณเยอะหน่อย แต่ถ้าเน้นประหยัด กินง่าย อยู่ง่าย ก็สามารถมีเงินเหลือเก็บได้สบายๆ
- วางแผนการเงินล่วงหน้า: ก่อนไปควรศึกษาข้อมูลให้ดี วางแผนการใช้จ่ายอย่างรอบคอบ และมีเงินสำรองฉุกเฉินเผื่อไว้เสมอ
- เรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรม: เพื่อให้การใช้ชีวิตและการทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีอุปสรรค
การไปทำงานต่างประเทศเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ขอให้ทุกคนโชคดีกับการเดินทางบนเส้นทางที่เลือก และที่สำคัญคือต้อง “หาข้อมูล” เยอะๆ ก่อนตัดสินใจไป หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และจุดประกายให้หลายๆ คนได้เห็นภาพชัดขึ้น และตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมและถูกต้อง