เรื่องโดย ภาษา Z (Z language)
อากาศที่ร้อนจัด ภัยแล้งที่ยาวนาน น้ำท่วมฉับพลัน… ภัยธรรมชาติเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงข่าวในทีวีอีกต่อไป แต่กำลังคุกคาม “อาหาร” บนจานของเราโดยตรง มาร่วมเจาะลึกว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังสั่นคลอนความมั่นคงทางอาหารของโลกอย่างไร ชี้ปัญหาด้วยข้อมูล และหาทางออกเพื่อปกป้องอนาคตของอาหารที่ยั่งยืน
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคเกษตรกรรม ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของความมั่นคงทางอาหาร จากข้อมูลของ IPCC Special Report on Climate Change and Land แสดงให้เห็นว่าอุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้พืชหลายชนิดไม่สามารถเจริญเติบโตได้ตามปกติ ผลผลิตลดลง และคุณภาพของผลผลิตก็ด้อยลง ข้อมูลขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) พบว่า ผลผลิตข้าวทั่วโลกอาจลดลงถึง 20% ภายในสิ้นศตวรรษนี้ หากอุณหภูมิโลกสูงขึ้น 2 องศาเซลเซียส ภัยแล้งที่ยาวนานทำให้พื้นที่เพาะปลูกแห้งแล้ง ไม่สามารถทำการเกษตรได้ ในขณะที่น้ำท่วมฉับพลันสร้างความเสียหายให้กับพืชผลและโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตร ผลกระทบเหล่านี้เป็นภัยคุกคามต่อระบบอาหารที่ยั่งยืน (sustainable food systems)
ผลกระทบเหล่านี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ปริมาณอาหารที่ลดลงเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อความหลากหลายทางชีวภาพของพืชและสัตว์ที่ใช้เป็นอาหารอีกด้วย พืชและสัตว์บางชนิดไม่สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ทัน ทำให้จำนวนประชากรลดลง หรือถึงขั้นสูญพันธุ์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและห่วงโซ่อาหาร ซึ่งเป็นข้อมูลจาก IPBES Global Assessment Report on Biodiversity and Ecosystem Services และงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเอ็กซิเตอร์ (University of Exeter) พบว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจทำให้ปลาทะเลหลายชนิดมีขนาดเล็กลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อปริมาณโปรตีนที่มนุษย์ได้รับ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพนี้บ่อนทำลายความสามารถในการสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืน (sustainable food systems) ในระยะยาว
ความไม่มั่นคงทางอาหารที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ยากจนและเปราะบางที่สุด ราคาอาหารที่สูงขึ้นทำให้ผู้คนจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงอาหารที่เพียงพอและมีคุณภาพได้ ซึ่งนำไปสู่ปัญหาทุพโภชนาการและภาวะอดอยาก สามารถหาอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก FAO, IFAD, UNICEF, WFP and WHO The State of Food Security and Nutrition in the World โครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติ (WFP) ประมาณการว่า จำนวนผู้ที่เผชิญกับความไม่มั่นคงทางอาหารเฉียบพลันทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ ความไม่มั่นคงทางอาหารยังเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งและความไม่สงบในหลายพื้นที่ทั่วโลก การสร้างความมั่นคงทางอาหารที่ยั่งยืน (sustainable food security) จึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วน
อย่างไรก็ตาม ยังมีความหวังในการแก้ไขปัญหานี้ การปรับตัวของภาคเกษตรกรรมให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นสิ่งสำคัญ ตัวอย่างเช่น การทำเกษตรแบบแม่นยำ (precision agriculture) ซึ่งใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนาพันธุ์พืชที่ทนทานต่อสภาพอากาศที่รุนแรง การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ และการทำเกษตรแบบยั่งยืน (sustainable agriculture) เป็นแนวทางที่จะช่วยลดผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อความมั่นคงทางอาหาร
นอกจากนี้ ข้อมูลจาก Paris Agreement ยังกล่าวอีกว่า การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกก็เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหาในระยะยาว การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบพลังงานสะอาด การส่งเสริมการขนส่งสาธารณะ และการลดการสูญเสียอาหาร (food waste) เป็นมาตรการสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับอาหาร การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบอาหารที่ยั่งยืน (sustainable food systems) ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่เกษตรกร ผู้บริโภค ไปจนถึงภาครัฐและภาคเอกชน
อาหารเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตของมนุษย์ทุกคน การปกป้องความมั่นคงทางอาหารจึงเป็นภารกิจเร่งด่วนที่เราต้องร่วมมือกันทำ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ แต่ด้วยความรู้ ข้อมูลที่ชัดเจน ความร่วมมือ และความมุ่งมั่น เราสามารถสร้างอนาคตที่ทุกคนมีอาหารเพียงพอและมีคุณภาพได้ และสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืน (sustainable food systems) สำหรับคนรุ่นต่อไป ถึงเวลาแล้วที่เราต้องลงมือทำอย่างจริงจัง เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและมั่นคงทางอาหารสำหรับทุกคน