เรื่องโดย Help Health
ปัจจุบันเป็นยุคที่ชีวิตเต็มไปด้วยการแข่งขัน ความเร่งรีบวุ่นวาย การหันมาใส่ใจดูแลตัวเอง จึงเป็นเหมือนการเติมพลังใจ ให้พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ บทความนี้เราจะมาเรียนรู้เรื่องของ “Self-Care” หรือการดูแลตัวเองอย่างรอบด้าน เพื่อสร้างสมดุลและความสุขที่ยั่งยืนจากภายใน
คุณเคยรู้สึกเหมือนแบตเตอรี่ในร่างกายใกล้หมด ทั้งๆ ที่ไม่ได้ออกแรงอะไรมากมาย หรือรู้สึกว่าชีวิตวนลูปเดิมๆ จนลืมไปแล้วว่าความสุขที่แท้จริงหน้าตาเป็นอย่างไร ถ้าคำตอบของคุณคือ “ใช่” ถึงเวลาแล้วที่เราจะมา “Recharge” ตัวเอง ด้วยการทำความเข้าใจ Self-Care อย่างจริงจัง
Self-Care ไม่ใช่การเห็นแก่ตัว หรือการทำตามใจตัวเองไปวันๆ แต่เป็นการลงทุนกับ “ตัวเอง” เพื่อให้มีพลังกายพลังใจที่เข้มแข็ง พร้อมเผชิญหน้ากับความท้าทายในชีวิตได้อย่างมีความสุข การดูแลตัวเองครอบคลุมหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม ซึ่งแนวคิดนี้สอดคล้องกับสิ่งที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กล่าวถึงองค์ประกอบของสุขภาวะที่ไม่ได้มีเพียงแค่ร่างกายที่แข็งแรงเท่านั้น
การดูแลร่างกาย ก็เหมือนกับการดูแลบ้าน หากเราไม่ทำความสะอาดบ้าน ปล่อยให้รก สกปรก บ้านก็จะทรุดโทรมและไม่น่าอยู่ ร่างกายของเราก็เช่นกัน หากเราไม่ดูแลร่างกายให้ดี ร่างกายก็จะอ่อนแอและเจ็บป่วย การดูแลร่างกายทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารดีมีประโยชน์ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หรือการทำกิจกรรมที่ช่วยให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย เช่น การนวด หรือการแช่น้ำอุ่น ซึ่งมีการศึกษาที่ชี้ให้เห็นว่าการนอนหลับอย่างเพียงพอส่งผลดีต่อสุขภาพกายและใจ
การดูแลจิตใจ ก็เหมือนกับการดูแลสวน หากเราไม่รดน้ำ พวนดิน ใส่ปุ๋ย สวนก็จะแห้งเหี่ยวและไม่สวยงาม วัชพืชรกรุงรังจิตใจของเราก็เช่นกัน หากเราไม่ดูแลจิตใจให้ดี จิตใจก็จะห่อเหี่ยวและไม่มีชีวิตชีวา มีความวุ่นวายอยู่ตลอด การดูแลจิตใจทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการฝึกสติ การทำสมาธิ การเขียนบันทึก หรือการทำกิจกรรมที่ช่วยให้จิตใจสงบและผ่อนคลาย เช่น การอ่านหนังสือ หรือการฟังเพลง โดยมีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านกล่าวถึงประโยชน์ของการฝึกสติในการลดความเครียดและเพิ่มสมาธิ
การดูแลอารมณ์ ก็เหมือนกับการดูแลต้นไม้ หากเราไม่ใส่ใจดูแล ต้นไม้ก็อาจจะเหี่ยวเฉา หรือมีโรคและแมลงมารบกวน อารมณ์ของเราก็เช่นกัน หากเราไม่ดูแลอารมณ์ให้ดี อารมณ์ก็อาจจะแปรปรวน หรือทำให้เราทุกข์ใจ การดูแลอารมณ์ทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการรู้จักจัดการกับอารมณ์ต่างๆ การแสดงออกทางอารมณ์อย่างเหมาะสม หรือการทำกิจกรรมที่ช่วยให้รู้สึกสนุกสนานและมีความสุข เช่น การดูหนังตลก หรือการไปเที่ยวกับเพื่อน รู้ไหมว่าแค่การหัวเราะส่งผลดีต่อสุขภาพกายและใจ
การดูแลสังคม ก็เหมือนกับการดูแลความสัมพันธ์ หากเราไม่ใส่ใจดูแล ความสัมพันธ์ก็อาจจะจืดจาง หรือมีปัญหา การดูแลสังคมทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้เวลากับคนที่เรารัก การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง หรือการทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ซึ่งมีการวิจัยที่บ่งชี้ว่าการมีสังคมที่ดีช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตและความสุข
ไม่มีสูตรสำเร็จว่า Self-Care จะแบบไหนดีที่สุด เพราะแต่ละคนก็เหมือนต้นไม้แต่ละชนิด ที่ต้องการการดูแลที่แตกต่างกันไป สิ่งสำคัญคือการสำรวจตัวเองว่าอะไรที่ทำให้เราเติบโตและมีความสุข และจัดสรรเวลาให้กับสิ่งเหล่านั้นให้เหมาะสมและสม่ำเสมอ
Self-Care ไม่ใช่ภาระที่ต้องทำ แต่เป็นของขวัญที่เรามอบให้กับตัวเอง เพื่อให้เราได้เบ่งบานอย่างเต็มที่ และมีความสุขอย่างยั่งยืน ลองเริ่มดูแลตัวเองวันนี้ แล้วคุณจะพบว่า Self-Care คือพลังวิเศษที่เปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้