หน้าร้อนทีไร ไอศกรีมกะทิเย็น ๆ ก็โผล่มาในความทรงจำทุกที หวานมัน หอมชื่นใจ เป็นรสชาติที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก ๆ ไม่ใช่แค่นั้นนะ กะทิยังเป็นส่วนผสมหลักในอาหารไทยอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแกงเขียวหวาน ต้มข่าไก่ ข้าวเหนียวมะม่วง หรือขนมไทยอีกเพียบ กะทิช่วยเพิ่มความอร่อย กลมกล่อม ทำให้ใคร ๆ ก็ชอบ
แต่หน้าร้อนเนี่ยแหละที่เป็นปัญหา เราต้องตระหนักถึงข้อควรระวังในช่วงนี้ เพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาหารบูดหรือเน่าเสียได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่มีกะทิเป็นส่วนประกอบหลัก เนื่องจากกะทิมีรสชาติหวานมันและอุดมไปด้วยสารอาหาร ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย จากข้อมูลของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวถึงการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียในอาหารที่มีกะทิในฤดูร้อน หากเราไม่ดูแลรักษาอาหารอย่างถูกวิธี อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียหรืออาหารเป็นพิษได้
วิธีป้องกันง่าย ๆ คือ ต้องเก็บอาหารกะทิในตู้เย็น แล้วกินให้หมดภายใน 1-2 วัน หรือถ้าจะเก็บนาน ๆ ก็เอาไปแช่แข็ง ที่สำคัญคือ ควรเลือกซื้อกะทิสด ๆ และปรุงอาหารด้วยความสะอาด เพื่อลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนของแบคทีเรีย และถ้าเป็นร้านอาหาร ก็ควรเช็ครสชาติ กลิ่น สี ของอาหารก่อนเสิร์ฟให้ลูกค้า เพื่อป้องกันอาหารเป็นพิษ
อย่างไรก็ตาม กะทิไม่ได้มีแต่ข้อเสียเท่านั้น ในความเป็นจริง กะทิยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ เนื่องจากกะทิเป็นแหล่งของกรดไขมันอิ่มตัวสายกลาง (MCTs) ซึ่งมีงานวิจัยบางชิ้นชี้ว่าอาจช่วยลดน้ำหนัก เพิ่มการเผาผลาญ และปรับปรุงองค์ประกอบของร่างกาย จากข้อมูลที่กล่าวไว้ในเว็บไซต์ Hello Khunmor กะทิยังมีสารอาหารอื่นๆ เช่น วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
และนี่คือเรื่องราวของ “กะทิ” วัตถุดิบที่ผูกพันกับอาหารไทยมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นไอศกรีมดับกระหายในวันวาน หรือเมนูอาหารคาวหวานที่เลื่องชื่อ กะทิยังคงเป็นส่วนผสมที่สร้างสรรค์รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ และยังคงเป็นที่รักของคนไทยและผู้คนทั่วโลก ในช่วงหน้าร้อนนี้ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการรับประทานอาหารไทยที่ปรุงด้วยกะทิ และอย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะ
