เรื่องโดย Help Health
คนเราเมื่ออายุเริ่มมากขึ้น สุขภาพและร่างกายย่อมถดถอยตามกาลเวลา สิ่งสำคัญที่จะพูดถึงในวันนี้คือดวงตา ด้วยอายุที่มากขึ้นทำให้ผู้สูงวัยมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับโรคตาต่างๆ มากขึ้นเช่นกัน มาทำความรู้จักกับ 5 โรคตายอดฮิตในผู้สูงวัย พร้อมแนวทางการดูแลและป้องกัน เพื่อให้ดวงตาสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพไปนานๆ
1.ภาวะสายตายาว (Presbyopia)
ภาวะสายตายาว เป็นการเสื่อมสภาพตามธรรมชาติของเลนส์ตา ทำให้ความสามารถในการโฟกัสวัตถุในระยะใกล้ลดลง ผู้สูงวัยส่วนใหญ่มักเริ่มมีอาการเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป
ปัญหา: มองเห็นวัตถุใกล้ไม่ชัด ต้องยืดแขนออกไปจึงจะมองเห็นชัดเจน ทำให้มีปัญหาในการอ่านหนังสือ ทำงานฝีมือ หรือใช้คอมพิวเตอร์
แนวทางในการรักษา:
- การสวมแว่นสายตายาว: เป็นวิธีที่นิยมและปลอดภัยที่สุด
- เลนส์สัมผัสสายตายาว (contact lens): เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการใส่แว่น
- การผ่าตัด: ในบางกรณี อาจมีการผ่าตัดเพื่อแก้ไขภาวะสายตายาว แต่มีข้อจำกัดและควรปรึกษาแพทย์
แนวทางในการป้องกัน: ภาวะสายตายาวเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การดูแลสุขภาพตาโดยทั่วไป เช่น การพักผ่อนสายตาให้เพียงพอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และการตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ สามารถช่วยชะลอความเสื่อมของตาได้
2.โรคต้อกระจก (Cataract)
โรคต้อกระจก คือ ภาวะที่เลนส์ตาขุ่น ทำให้แสงผ่านเข้าไปในตาได้น้อยลง ส่งผลให้มองเห็นไม่ชัดเจน เป็นสาเหตุหลักของภาวะตาบอดในผู้สูงวัย
ปัญหา: มองเห็นมัวเหมือนมีหมอกบัง มองเห็นภาพซ้อน สู้แสงไม่ได้ หรือเห็นแสงไฟเป็นรัศมี
แนวทางในการรักษา: การผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียม เป็นวิธีรักษาที่มีประสิทธิภาพที่สุด
แนวทางในการป้องกัน:
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจ้า: สวมแว่นกันแดดเมื่อต้องอยู่กลางแจ้ง
- งดสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่เป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดต้อกระจก
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: ผู้ที่เป็นเบาหวานมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นต้อกระจก
- ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ: เพื่อตรวจหาต้อกระจกในระยะเริ่มต้น
3.โรคต้อหิน (Glaucoma)
โรคต้อหิน คือ กลุ่มโรคที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อเส้นประสาทตา ซึ่งทำหน้าที่ส่งข้อมูลภาพจากตาไปยังสมอง หากไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร
ปัญหา: ในระยะแรก มักไม่มีอาการแสดง ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้ตัวว่าเป็นโรค เมื่อมีอาการ มักมีการสูญเสียลานสายตา ทำให้มองเห็นแคบลง
แนวทางในการรักษา:
- ยาหยอดตา: เพื่อลดความดันในลูกตา
- การผ่าตัด: เพื่อสร้างทางระบายน้ำในลูกตา หรือลดการสร้างน้ำในลูกตา
แนวทางในการป้องกัน:
- ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ: โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป หรือมีประวัติครอบครัวเป็นต้อหิน
- ควบคุมความดันโลหิต: ความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคต้อหิน
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยลดความดันในลูกตาได้
4.โรคจอประสาทตาเสื่อม (Age-related Macular Degeneration: AMD)
โรคจอประสาทตาเสื่อม คือ ภาวะที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อจุดภาพชัด ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ตรงกลางของจอประสาทตา ทำให้สูญเสียการมองเห็นตรงกลางภาพ
ปัญหา: มองเห็นภาพบิดเบี้ยว มีจุดดำตรงกลางภาพ มองเห็นสีผิดเพี้ยน หรือสูญเสียการมองเห็นตรงกลางภาพ
แนวทางในการรักษา:
- ยาฉีดเข้าวุ้นตา: เพื่อชะลอความเสื่อมของจอประสาทตา
- เลเซอร์: ในบางกรณี อาจใช้เลเซอร์เพื่อทำลายหลอดเลือดที่ผิดปกติ
แนวทางในการป้องกัน:
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: โดยเฉพาะอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ และปลาที่มีไขมันดี
- งดสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม
- ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ: เพื่อตรวจหาโรคจอประสาทตาเสื่อมในระยะเริ่มต้น
5.เบาหวานขึ้นจอประสาทตา (Diabetic Retinopathy)
เบาหวานขึ้นจอประสาทตา คือ ภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน ที่เกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้หลอดเลือดในจอประสาทตาได้รับความเสียหาย
ปัญหา: ในระยะแรก มักไม่มีอาการแสดง เมื่อมีอาการ มักมีการมองเห็นไม่ชัด มองเห็นเป็นจุดดำ หรือสูญเสียการมองเห็น
แนวทางการรักษา:
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: เพื่อชะลอความเสียหายของหลอดเลือด
- เลเซอร์: เพื่อทำลายหลอดเลือดที่ผิดปกติ
- ยาฉีดเข้าวุ้นตา: เพื่อลดการบวมของจอประสาทตา
- การผ่าตัด: ในกรณีที่มีเลือดออกในวุ้นตา หรือจอประสาทตาหลุดลอก
แนวทางในการป้องกัน:
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต และไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ: โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเบาหวาน
- งดสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเบาหวานขึ้นจอประสาทตา
ดวงตา เป็นอวัยวะสำคัญที่ช่วยให้เรามองเห็นโลกที่สวยงาม การดูแลดวงตาให้ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในผู้สูงวัยที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคตาต่างๆ มากขึ้น การตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ การดูแลสุขภาพโดยรวม และการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ สามารถช่วยให้เรามีดวงตาที่สดใสและมีความสุขกับการมองเห็นไปนานๆ