สวัสดีทุกคน…
เคยไหมที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับความเศร้าที่หนักอึ้ง จนเหมือนร่างกายและจิตใจกำลังจะแตกสลาย? เราเชื่อว่าหลายคนคงเคยมีประสบการณ์แบบนี้ และรู้ดีว่าความรู้สึกนี้มันหนักหนาแค่ไหน
ความเศร้า… มันเป็นเหมือนเพื่อนที่ไม่ได้รับเชิญ ที่คอยมาเยี่ยมเยียนในวันที่เราอ่อนแอที่สุด มันเข้ามาโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว และบางครั้งมันก็ฝังรากลึกจนยากที่จะเยียวยา แต่รู้ไหมว่าความเศร้าไม่ได้ส่งผลกระทบแค่กับจิตใจของเราเท่านั้น แต่มันยังส่งผลกระทบต่อร่างกายของเราอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
ความเศร้า… ศัตรูตัวร้ายที่แฝงตัวอยู่ในร่างกายของเรา
เมื่อเราเศร้า ร่างกายของเราจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมา เช่น คอร์ติซอล (Cortisol) และอะดรีนาลีน (Adrenaline) ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ในร่างกายของเราอย่างซับซ้อน
ระบบภูมิคุ้มกัน :
ความเครียดเรื้อรังจากความเศร้า ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ทำให้เราเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น ซึ่งงานวิจัยจากศาสตราจารย์ Sheldon Cohen จากมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน ชี้ว่าความเครียดลดประสิทธิภาพของเซลล์
ระบบย่อยอาหาร :
“ปวดท้องจากความเครียด” ไม่ใช่เรื่องที่คิดไปเอง ความเครียดจากความเศร้า กระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรือท้องผูกได้ นอกจากนี้ ยังรบกวนการทำงานของลำไส้ ทำให้เกิดอาการลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome หรือ IBS) โดย Dr. Emeran Mayer จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส (UCLA) พบว่า สมองและลำไส้มีการสื่อสารสองทาง ความเครียดและอารมณ์เช่นความเศร้า สามารถส่งผลต่อการทำงานของลำไส้ ทำให้เกิดอาการดังกล่าวได้
ระบบหัวใจและหลอดเลือด :
- ความเศร้าและความเครียดเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด งานวิจัยจาก American Heart Association โดย Dr. Alan Rozanski และทีมงาน ชี้ว่า ความเครียดเรื้อรังเพิ่มความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมอง
- จากการศึกษาพบว่า ผู้ที่เผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่ หรือความเศร้าเสียใจอย่างรุนแรง มีโอกาสเกิดภาวะ “หัวใจสลาย” (Broken Heart Syndrome) หรือภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงจากความเครียด ได้สูงขึ้น โดยมีการกล่าวถึงอาการทางคลีนิก และผลลัพธ์ของภาวะนี้ไว้ในวารสาร New England Journal of Medicine โดย Christian Templin จากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยซูริก
การนอนหลับ :
นอกจากนี้ ความเศร้ายังสามารถส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับของเรา ทำให้เรานอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิท ซึ่งการนอนหลับที่ไม่เพียงพอจะยิ่งทำให้ร่างกายของเราอ่อนแอลงไปอีก โดยศาสตราจารย์ Dieter Riemann จากมหาวิทยาลัยไฟรบูร์ก ประเทศเยอรมนี ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการนอนหลับและความผิดปกติทางจิตเวช โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของโรคซึมเศร้า พบว่าปัญหาการนอนหลับเป็นทั้งอาการและปัจจัยเสี่ยงสำหรับความผิดปกติทางจิตเวช และการนอนหลับที่ไม่เพียงพอสามารถทำให้อาการทางจิตเวชแย่ลงได้
แล้วเราจะดูแลตัวเองอย่างไร เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเศร้า?
แน่นอนว่าการเผชิญหน้ากับความเศร้าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราสามารถดูแลตัวเองให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้อย่างเข้มแข็งมากขึ้นได้ ด้วยเคล็ดลับง่ายๆ เหล่านี้
- ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง: อย่าพยายามกดดันตัวเองให้ต้องเข้มแข็งตลอดเวลา การยอมรับว่าเรากำลังเศร้าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันจะช่วยให้เราได้ปลดปล่อยความรู้สึกออกมา
- พูดคุยกับคนที่ไว้ใจ: การได้ระบายความรู้สึกกับคนที่เรารักและไว้ใจ จะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นได้มาก
- ดูแลสุขภาพกาย: ออกกำลังกายเป็นประจำ กินอาหารที่มีประโยชน์ และนอนหลับให้เพียงพอ การดูแลสุขภาพกายจะช่วยให้เรามีพลังงานในการรับมือกับความเศร้าได้ดีขึ้น
- หากิจกรรมที่ชอบทำ: การทำกิจกรรมที่เรารักจะช่วยให้เราผ่อนคลายและรู้สึกดีขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือทำงานศิลปะ
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากรู้สึกว่าความเศร้าส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเรามากเกินไป การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่น จิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยา จะช่วยให้เราได้รับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม
สิ่งสำคัญที่สุดคือ…อย่าลืมรักตัวเอง
ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด อย่าลืมที่จะรักและดูแลตัวเองให้ดีที่สุด เพราะคุณมีค่ามากกว่าที่คุณคิด และคุณสมควรที่จะได้รับความสุขและความสงบในชีวิต