ในยุคดิจิทัลที่การทำงานจากบ้าน (Work from Home) กลายเป็นรูปแบบการทำงานที่แพร่หลาย การรักษาสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน (Work-Life Balance) ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันภาวะหมดไฟ (Burnout) ที่คุกคามสุขภาพกายและใจของเรา องค์การอนามัยโลก ได้กล่าวไว้ในรายงานว่า ภาวะหมดไฟในการทำงานเป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากความเครียดเรื้อรังในที่ทำงานที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม การทำงานที่บ้านอาจทำให้เส้นแบ่งระหว่างชีวิตส่วนตัวและงานเริ่มพร่าเลือน การกำหนดเวลาทำงานและเวลาส่วนตัวที่ชัดเจนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การมีพื้นที่ทำงานเฉพาะ และการปิดแจ้งเตือนงานนอกเวลางาน เพื่อให้สมองได้พักผ่อนได้อย่างเต็มที่
ลองจินตนาการถึงชีวิตที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีเวลาเหลือสำหรับตัวเองและคนที่คุณรัก Francesco Cirillo ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “The Pomodoro Technique” ว่า การใช้เทคนิค Pomodoro Technique คือทำงาน 25 นาที พัก 5 นาที ช่วยเพิ่มสมาธิและลดความเหนื่อยล้า ทำให้คุณทำงานได้มากขึ้นในเวลาที่น้อยลง Cal Newport ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “Deep Work” ว่า การใช้เทคนิค Time Blocking หรือกำหนดช่วงเวลาสำหรับแต่ละกิจกรรมในวัน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ทำให้คุณมีเวลาเหลือสำหรับกิจกรรมที่สำคัญในชีวิต นอกจากนี้ Edwin A. Locke และ Gary P. Latham ได้กล่าวไว้ในงานวิจัย “Building a practically useful theory of goal setting and task motivation” ว่า การตั้งเป้าหมาย SMART (Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound) ช่วยให้คุณโฟกัสกับงานที่สำคัญที่สุดและบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
องค์การอนามัยโลก ใน “WHO guidelines on physical activity and sedentary behaviour” ได้กล่าวไว้ว่า การออกกำลังกายสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และการพักผ่อนอย่างเพียงพอ เป็นพื้นฐานสำคัญของการมีสุขภาพที่ดี ลองหาเวลาออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที และควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย Jon Kabat-Zinn ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “Full catastrophe living” ว่า การทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น การฝึกสติ (Mindfulness) ช่วยลดความเครียดและเพิ่มความสุขได้ ลองหาเวลาฝึกสติวันละ 10-15 นาที เพื่อให้จิตใจสงบและผ่อนคลายจากการทำงาน
บางครั้งการทำงานที่บ้านอาจทำให้รู้สึกโดดเดี่ยว การรักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน ครอบครัว และเพื่อนฝูงจึงเป็นสิ่งสำคัญ ลองหาเวลาพูดคุย แลกเปลี่ยน หรือทำกิจกรรมร่วมกันกับคนที่คุณรัก การทำงานที่บ้านอาจทำให้ได้รับงานที่เกินกำลังได้ง่าย การเรียนรู้ที่จะปฏิเสธงานที่ไม่จำเป็น หรือขอความช่วยเหลือเมื่อต้องการ เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยรักษาสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานได้
การรักษาสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความพยายาม ลองเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ เช่น การกำหนดเวลาทำงานที่ชัดเจน การจัดสรรเวลาสำหรับกิจกรรมส่วนตัว และการดูแลสุขภาพกายและใจของคุณอย่างสม่ำเสมอ แล้วคุณจะพบว่าการทำงานที่บ้านไม่จำเป็นต้องแลกมาด้วยความเหนื่อยล้าและหมดไฟ แต่สามารถเป็นประสบการณ์ที่สร้างสรรค์และมีความสุขได้